สำหรับเจ้าหน้าที่
สำหรับเจ้าหน้าที่

ข้อมูลพืชสวน 

รายงานข้อมูลพืช

กลุ่มพืช(Group)/ชื่อพืช : ไม้ผล

ชื่อพืช (PlantName)

ชื่อไทย(Thai Name/Vernacular name) : เกาลัดจีน

ชื่อวิทยาศาสตร์ (Sciencetific Name)

วงศ์ (Family) : FAGACEAE

สกุล (Genus) : Castanea

ชนิด (specific epithet) : mollissima

ชื่อผู้ตั้ง (Author name) : Bl.

ชนิดย่อย (Subspecies) : ไม่ได้ระบุ

พันธุ์ (Variety) : ไม่ได้ระบุ

ทดสอบเพิ่มฟืลด์ :

ชื่อการทดลอง :

ลักษณะทางเกษตร :

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :

สถานการณ์พืช : ประเทศไทยนำเข้าเกาลัดมากกว่าปีละ 370 ล้านบาท (กรมศุลกากร, 2560) ในลักษณะลักลอบที่ผิดกฎหมายและผ่านด่านศุลกากรตามกฎหมาย ซึ่งเกาลัดจีนจะมีราคาสูง ราคาเมล็ดสดนำเข้าราคากิโลกรัมละ 35-50 บาท ราคาจำหน่ายเมล็ดสดกิโลกรัมละ 90-170 บาท ขึ้นอยู่กับฤดูกาล เมื่อนำมาคั่วหรือแปรรูปเป็นอาหารหรือของขบเคี้ยว จะมีราคาสูง 300-400 บาท (เสริมสกุล และเชวา, 2548) ผลผลิตของเกาลัดทั่วโลกที่อ้างอิงโดย FAO มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยในปี ค.ศ. 1993 มีผลผลิต 650,000 ตัน แต่ในปี ค.ศ. 2013 มีผลผลิต 2,000,000 ตัน พื้นที่ปลูกหลัก คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน 85% แต่พบ 15% ที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น ตุรกี อิตาลี โครเอเชีย สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และอาร์เจนตินา (Benjamin Hennig, 2015) แต่เมื่อปี ค.ศ. 2016 พบว่าผลผลิตลดลง 95% โดยเฉพาะที่ประเทศอิตาลี เนื่องจากสภาพอากาศแล้ง (Anonymous1, 2016) ปัจจุบันเกาลัดจีนเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคและเกษตรกรส่วนใหญ่ มีพื้นที่กว่าระดับ 700 เมตร สนใจและปลูกเกาลัดจีน กรมวิชาการเกษตรยังไม่มีพันธุ์เกาลัดจีนที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ประกอบกับปัญหาของการผลิตเกาลัดจีนคือผลผลิตส่วนใหญ่มีปริมาณและคุณภาพไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากเกษตรกรยังขาดเทคโนโลยีการจัดการดินและปุ๋ยที่เหมาะสม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคัดเลือก เปรียบเทียบ และทดสอบหาพันธุ์เกาลัดจีนที่เหมาะสม การจัดการธาตุอาหารโดยการวิเคราะห์ตามความต้องการของเกาลัดจีนร่วมกับการวิเคราะห์ดิน เพื่อประเมินอัตราปุ๋ยที่ใส่ให้เกาลัดจีนมีผลผลิตและคุณภาพดีจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะสามารถลดปัญหาที่กล่าวมาได้ เพื่อให้เป็นพืชทางเลือกใหม่สำหรับเกษตรกรต่อไป จากรายงานสถิติปริมาณและมูลค่านำเข้าเกาลัดในปี พ.ศ. 2556-2559 โดย กรมศุลกากร (2560) พบว่า มีการนำเข้าจากประเทศ จีน มาเลเซีย อิตาลี อังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และเกาหลีไต้ ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มจาก 371,135,805 บาท ในปี พ.ศ. 2556 เป็น 371,733,576 บาท ในปี พ.ศ. 2559 สำหรับในปี พ.ศ. 2560 ซึ่งมีข้อมูลเฉพาะในเดือน มกราคม-พฤษภาคม 2560 พบว่ามีแนวโน้มว่าจะมีมูลค่านำเข้าเพิ่มมากขึ้น

ไถแปร :

อื่นๆ :

วิธีปลูก :

อัตราปลูก :

พันธ์และท่อนพันธ์ที่ใช้ :

วันปลูก :

วันงอก :

วันปลูกซ่อมหรือย้ายกล้าซ่อม :

วันที่ออกดอก :

วันที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ครั้งแรก :

การเก็บเกี่ยว :

การจัดการส่วนขยายพันธุ์

สารที่ใช้ :

อัตรา :

วิธีการ :

ตารางการใส่ปุ่ย

ครั้งที่ :

วันที่ :

วิธีการให้น้ำ

ครั้งที่ :

วันที่ :

วิธี :

ปริมาณน้ำ(มิลิลิตร) :

โรคพืช


แมลง ไร และศัตรูพืช


วัชพืช


ข้อมูลกรมอุตนิยมวิทยา :

เอกสารการรับรองพันธุ์/การขึ้นทะเบียนพัน :

ข้อมูลอื่นๆ :

ข้อมูลอื่นๆ :


ข้อมูลการทดลอง

ข้อมูลผู้ทดลอง :

ฤดูปลูก-ปี :

ไร่เกษตรกร/ศูนย์วิจัย :

จังหวัด :

อำเภอ :

ตำบล :

พื้นที่ลาดเอียง :

พิกัด X :

พิกัด Y :

การวางแผนการทดลอง (Experimental design) :

จำนวนกรรมวิธี (Treatment) :

จำนวนซ้ำ (Replication) :

จำนวนบล็อค (Block) :

ขนาดแปลง (ตารางเมตร (ไร่)) :

ขนาดความกว้างแปลงย่อย :

ขนาดความยาวแปลงย่อย :

จำนวนต้นเก็บเกี่ยว :

จำนวนต้นเก็บเกี่ยว :

ระยะการปลูก

ระหว่างแถว (เซนติเมตร) :

ระหว่างต้น (เซนติเมตร) :

ระยะการปลูก

ข้อมูลอื่น :

ปัญหาอุปสรรค์และวิธีการแก้ไข :

พืชที่ปลูกในฤดูที่ผ่านมา :

ผลผลิต (กิโลกรัม/ไร่) :

การใส่ปุ๋ยในฤดูที่ผ่านมา :

ศัตรูพืชและการป้องกันกำจัด :

วันที่ปลูก :

วันที่ออกดอก :

วันที่เก็บเกี่ยว :

ชนิดของดินที่ปลูก

ชนิดของดินที่ปลูก :

การวิเคราะห์ดิน

ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) :

อินทรีวัตถุ (%) :

ฟอสฟอรัส (mg/kg) :

โพแทสเซียม (mg/kg) :

ค่าการนำไฟฟ้า (EC) :

ธาตุรองต่างๆและธาตุเสริม

Ca (mg/kg) :

Fe (mg/kg) :

Mo (mg/kg) :

Mg (mg/kg) :

Zn (mg/kg) :

Mn (mg/kg) :

S (mg/kg) :

B (mg/kg) :

Cu (mg/kg) :