ข้อมูลพืชสวน
กลุ่มพืช(Group)/ชื่อพืช : ไม้ผล
ชื่อพืช (PlantName)
ชื่อไทย(Thai Name/Vernacular name) : สับปะรด
ชื่อวิทยาศาสตร์ (Sciencetific Name)
วงศ์ (Family) : BROMELIACEAE
สกุล (Genus) : Ananas
ชนิด (specific epithet) : comosus
ชื่อผู้ตั้ง (Author name) : L.
ชนิดย่อย (Subspecies) :
พันธุ์ (Variety) : ปัตตาเวีย
ทดสอบเพิ่มฟืลด์ :
ชื่อการทดลอง :
ลักษณะทางเกษตร :
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
สถานการณ์พืช : สับปะรด (Ananascomosus L. Merr) เป็นผลไม้ที่สร้างมูลค่าการส่งออกให้กับประเทศไทยปีละไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท ในปี 2554 ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสับปะรดเป็นอันดับหนึ่งของโลก มีสัดส่วนการส่งออกสับปะรดกระป๋อง และน้ำสับปะรดถึง 51.16 และ 27.49% ปริมาณการผลิตและการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และมีการขยายพื้นที่การปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการของโรงงานแปรรูปและการส่งออกโดยปี 2551 – 2555 มีพื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้น 2.67, 4.44 และ 1.69% ต่อปี (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2555) การวิจัยและพัฒนาที่ผ่านมาส่วนมากเป็นไปในด้านการเขตกรรมและการอารักขาพืชเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการวิจัยและพัฒนาพันธุ์หรือสายพันธุ์สับปะรดยังไม่มีความก้าวหน้า และยังไม่สามารถสร้างพันธุ์หรือสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาได้ ทำให้พันธุ์ที่ปลูกยังคงเป็นพันธุ์เดิม ซึ่งปริมาณผลผลิตต่อไร่ตั้งแต่ปี 2546 – 2549 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.70 ตัน/ไร่ และในปี 2555 ผลผลิตเฉลี่ย 3.89 ตัน/ไร่ ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำและไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิม สับปะรดที่ปลูกยังคงเป็นพันธุ์เดิมๆ เช่นพันธุ์ปัตตาเวียใช้ในการแปรรูปซึ่งมีปัญหาด้านผลผลิตและความสม่ำเสมอของพันธุ์ทำให้ผลผลิตสุกไม่พร้อมกันจึงต้องเก็บเกี่ยวหลายรอบ เนื่องจากยังไม่มีพันธุ์ใหม่ที่ดีกว่ามาทดแทนได้ การปลูกมาเป็นเวลานานทำให้บางลักษณะเปลี่ยนแปลงไป เช่นใบมีหนามมากขึ้นจากเดิมมีหนามประปรายที่บริเวณปลายใบ แต่ในปัจจุบันนี้พบมีหนามเกือบตลอดใบ ทำให้การเข้าทำงานในแปลงต้องระมัดระวังอันตรายจากหนามเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่ารูปทรงผลมีหลายแบบ และมีน้ำหนักผลลดลงซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการปลูกสับปะรดในเขตภาคตะวันออกที่พบว่าหลังจากปี 2540 น้ำหนักผลที่ส่งโรงงานจากเดิม 1.25 – 1.45 กก ลดลงเหลือ 1.00 – 1.10 กก นับเป็นความสูญเสียผลผลิตต่อปีจำนวนมาก และมีการเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐทำการคัดพันธุ์ให้คงลักษณะดี โดยการทำการคัดเลือกหมู่ (เคหการเกษตร, 2554) ส่วนพันธุ์สำหรับบริโภคผลสด เช่นพันธุ์ภูเก็ต ตราดสีทอง และเพชรบุรีซึ่งเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตรแต่ก็ยังคงไม่แพร่หลายอีกทั้งเป็นพันธุ์ที่ไม่ได้เกิดจากการปรับปรุงพันธุ์ แต่เป็นเพียงการนำพันธุ์จากต่างประเทศเข้ามาปลูกทดสอบและคัดเลือก เนื่องจากพันธุ์ปลูกที่ยังคงเป็นพันธุ์เดิมและมีเพียงไม่กี่พันธุ์แสดงให้เห็นว่ากระบวนการปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์นั้นยังไม่ก้าวหน้าเมื่อเทียบกับพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ในต่างประเทศที่มีการปลูกสับปะรดเป็นการค้าเช่นฟิลิปปินส์ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์อย่างต่อเนื่องทำให้ได้พันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงอีกทั้งมีคุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาด สับปะรดเพื่อบริโภคผลสดที่เกษตรกรนิยมปลูกในปัจจุบันมีหลายพันธุ์ แต่ยังไม่มีพันธุ์ใดที่มีศักยภาพในการส่งออกผลสด ในประเทศมาเลเซียได้สร้างพันธุ์ลูกผสม ‘Josapine’ จากการผสมพันธุ์ ‘Johor’ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Spanish กับพันธุ์ ‘Sarawak’ ในกลุ่ม Smooth cayenne ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเร็ว รวมทั้งมีอายุการเก็บรักษานานและทนทานต่ออาการไส้สีน้ำตาลเมื่อเก็บที่อุณหภูมิต่ำจึงเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการบริโภคสดอย่างรวดเร็ว และเข้ามาทดแทนพันธุ์ ‘Moris’ และบริษัท Del Monte มีพันธุ์สำหรับการบริโภคสดหลายพันธุ์เช่น ‘MD2’, ‘Golden Ripe’ และ ‘Del Monte Gold’ เป็นต้น ซึ่งเป็นพันธุ์สำหรับบริโภคสดที่มีความทนทานต่ออาการไส้สีน้ำตาล แต่อ่อนแอต่อเชื้อ Phytophthora สับปะรดพันธุ์เพชรบุรีเป็นพันธุ์ที่นำจุกมาจากประเทศไต้หวัน นำมาขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนหน่อโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และการตัดชำลำต้น มีลักษณะใบ รูปทรงต้น สีเนื้อ การแตกหน่อใกล้เคียงกับพันธุ์สวี และภูเก็ต แม้มีการคัดเลือกสายต้น (clone) ที่มีลักษณะดีไว้ 2 ลักษณะคือตรงตามพันธุ์เดิมโดยบริเวณปลายผลติดกับจุกคอดเล็กน้อย และทรงผลสมบูรณ์ทั้งผลบริเวณปลายผลติดกับจุกไม่คอด ได้มีการคัดทิ้งลักษณะไม่ดีคือผลมีลักษณะกลม และตาผลตรงส่วนติดกับจุกไม่พัฒนามากกว่าครึ่งผล (กรมวิชาการเกษตร, 2541) แต่เนื่องจากปัจจุบันพบผลทั้งสามแบบปะปนกันในแปลงปลูกซึ่งอาจมีการปนกันของหน่อพันธุ์ทั้งสามสายต้น หรือมีการกลายพันธุ์จากลักษณะเดิมที่คัดไว้
ไถแปร :
อื่นๆ :
วิธีปลูก :
อัตราปลูก :
พันธ์และท่อนพันธ์ที่ใช้ :
วันปลูก :
วันงอก :
วันปลูกซ่อมหรือย้ายกล้าซ่อม :
วันที่ออกดอก :
วันที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ครั้งแรก :
การเก็บเกี่ยว :
การจัดการส่วนขยายพันธุ์
สารที่ใช้ :
อัตรา :
วิธีการ :
ตารางการใส่ปุ่ย
ครั้งที่ :
วันที่ :
วิธีการให้น้ำ
ครั้งที่ :
วันที่ :
วิธี :
ปริมาณน้ำ(มิลิลิตร) :
โรคพืช
แมลง ไร และศัตรูพืช
วัชพืช
ข้อมูลกรมอุตนิยมวิทยา :
การรับรองพันธุ์พืช/การขึ้นทะเบียนพันธุ์พืช
เอกสารการรับรองพันธุ์/การขึ้นทะเบียนพัน :
ข้อมูลอื่นๆ :
ข้อมูลอื่นๆ :
ข้อมูลการทดลอง
ข้อมูลผู้ทดลอง :
ฤดูปลูก-ปี :
ไร่เกษตรกร/ศูนย์วิจัย :
จังหวัด :
อำเภอ :
ตำบล :
พื้นที่ลาดเอียง :
พิกัด X :
พิกัด Y :
การวางแผนการทดลอง (Experimental design) :
จำนวนกรรมวิธี (Treatment) :
จำนวนซ้ำ (Replication) :
จำนวนบล็อค (Block) :
ขนาดแปลง (ตารางเมตร (ไร่)) :
ขนาดความกว้างแปลงย่อย :
ขนาดความยาวแปลงย่อย :
จำนวนต้นเก็บเกี่ยว :
จำนวนต้นเก็บเกี่ยว :
ระยะการปลูก
ระหว่างแถว (เซนติเมตร) :
ระหว่างต้น (เซนติเมตร) :
ระยะการปลูก
ข้อมูลอื่น :
ปัญหาอุปสรรค์และวิธีการแก้ไข :
พืชที่ปลูกในฤดูที่ผ่านมา :
ผลผลิต (กิโลกรัม/ไร่) :
การใส่ปุ๋ยในฤดูที่ผ่านมา :
ศัตรูพืชและการป้องกันกำจัด :
วันที่ปลูก :
วันที่ออกดอก :
วันที่เก็บเกี่ยว :
ชนิดของดินที่ปลูก
ชนิดของดินที่ปลูก :
การวิเคราะห์ดิน
ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) :
อินทรีวัตถุ (%) :
ฟอสฟอรัส (mg/kg) :
โพแทสเซียม (mg/kg) :
ค่าการนำไฟฟ้า (EC) :
ธาตุรองต่างๆและธาตุเสริม
Ca (mg/kg) :
Fe (mg/kg) :
Mo (mg/kg) :
Mg (mg/kg) :
Zn (mg/kg) :
Mn (mg/kg) :
S (mg/kg) :
B (mg/kg) :
Cu (mg/kg) :