สำหรับเจ้าหน้าที่
สำหรับเจ้าหน้าที่







<< กลับสู่หน้ารายการ

ปาล์มน้ำมันลูกผสมพันธุ์ กวก. สุราษฎร์ธานี 11



ดาวโหลดข้อมูล
ประวัติ
ปาล์มน้ำมันลูกผสมพันธุ์ กวก. สุราษฏร์ธานี 11 หรือ ปาล์มน้ำมันคู่ผสม 173 ได้จากการผสมข้ามระหว่างแม่พันธุ์ 73/49D กลุ่ม Deli Dura กับพ่อพันธุ์ 122/1446T กลุ่ม Calabar-AVROS ในปี 2544 โดยแม่พันธุ์ 73/49D ได้จากการคัดเลือกต้นดูราหมายเลข 49D ซึ่งได้จากการผสมระหว่างสายพันธุ์ C34:156D กับ DAM563:391D และพ่อพันธุ์ 122/1446T ได้จากคัดเลือกต้นหมายเลข 1446T ซึ่งได้จากการผสมระหว่างสายพันธุ์ IRH629:316T (Calabar) กับ HC129:1009P (AVROS) ปี 2545-2546 ดำเนินการผลิตเมล็ดงอกและต้นกล้าปาล์มน้ำมัน และปลูกทดสอบคู่ผสม 173 ร่วมกับคู่ผสมอื่นๆ ในปี 2546 โดยมีพันธุ์สุราษฎร์ธานี 3 เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ ณ ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานี ระหว่างปี 2547-2548 ดูแลรักษาต้นกล้าอายุ 1-2 ปี และบันทึกลักษณะประจำพันธุ์ ระหว่างปี 2549-2560 ศึกษาและประเมินลักษณะทางการเกษตร บันทึกข้อมูลลักษณะทางการเกษตรของปาล์มน้ำมันต่อเนื่อง อายุ 3-14 ปี บันทึกข้อมูลผลผลิตทะลายสด องค์ประกอบผลผลิต องค์ประกอบทะลาย การเจริญเติบโต ตามแบบแผนงานวิจัยปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมัน ปี 2561-2564 วิเคราะห์ผลและคัดเลือกคู่ผสมดีเด่น
ลักษณะประจำพันธุ์
สีของทางใบ เขียว ความยาวทางใบปานกลาง ความยาวก้านทะลาย ก้านทะลายสั้น ลักษณะรูปทรงทะลายทรงกลมปลายแหลม ความยาวหนามหนามสั้น ความหนาแน่นหนามน้อย ลักษณะช่อทะลายย่อยหนามสั้น ลักษณะผลกลมยาว ขนาดผลใหญ่ ความหนาของเปลือกผลหนา ความหนาของกะลา (กะลา/ผล) กะลาบาง (6.0 เปอร์เซ็นต์) ความหนาของเนื้อใน (เนื้อในต่อผล) เนื้อในปานกลาง (6.3 เปอร์เซ็นต์) สีผลผลดิบสีดำและผลสุกสีแดง (Nigrescens) ลักษณะทรงต้นสูงปานกลาง (ที่อายุ 11 ปี มีความสูง399.4 เซนติเมตร)
ชื่อพันธุ์พืชที่รับรอง
ปาล์มน้ำมันลูกผสมพันธุ์ กวก. สุราษฎร์ธานี 11
พื้นที่แนะนำ
ควรปลูกในพื้นที่เหมาะสมสำหรับปาล์มน้ำมัน โดยแบ่งเป็นพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่มีความเหมาะสมสูงและเหมาะสมปานกลาง (บัณฑิต และคํารณ, 2542) พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่มีความเหมาะสมสูง หมายถึง พื้นที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,000-4,000 มิลลิเมตรต่อปี มีจำนวนเดือนที่มีปริมาณฝนน้อยกว่า 100 มิลลิเมตรต่อเดือน ไม่เกิน 1 เดือน ดินมีการระบายน้ำดี ไม่มีน้ำท่วมขัง และมีความอุดมสมบูรณ์ระดับปานกลางถึงสูงมาก พื้นที่มีความลาดชันอยู่ระหว่าง 0-5 เปอร์เซ็นต์ สามารถให้ผลผลิตทะลายปาล์มสดมากกว่า 3,500 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่มีความเหมาะสมปานกลาง หมายถึง พื้นที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,800-1,900 มิลลิเมตรต่อปี มีจำนวนเดือนที่มีปริมาณฝนน้อยกว่า 100 มิลลิเมตรต่อเดือน 1-2 เดือน ดินมีการระบายน้ำช้า มีน้ำท่วมขังสั้น ๆ (น้อยกว่า 5 วัน) และมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ พื้นที่มีความลาดชันอยู่ระหว่าง 5-12 เปอร์เซ็นต์ สามารถให้ผลผลิตทะลายปาล์มสด 3,000-3,500 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี
ข้อควรระวัง/ข้อจำกัด
พันธุ์ปาล์มน้ำมันเป็นลูกผสมชั่วที่ 1 (F1) จึงไม่ควรนำเมล็ดที่ได้ไปขยายพันธุ์ต่อ เพราะจะทำให้ต้นปาล์มน้ำมันมีการกระจายตัวในลักษณะต่าง ๆ เช่น มีลักษณะกะลาหนาหรือทะลายฝ่อ ทำให้ผลผลิตต่ำ น้ำมันน้อย
หน่วยงานเจ้าของพันธุ์
ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานี สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน
วันที่รับรอง (วัน/เดือน/ปี)
08 ส.ค. 2566
ประเภทพันธุ์
พันธุ์แนะนำ
ลักษณะเด่น
1. ผลผลิตทะลายสดสูง ให้ผลผลิตทะลายสดเฉลี่ยช่วงอายุ 4-11 ปี 4,139.7 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี สูงกว่าพันธุ์สุราษฎร์ธานี 3 ซึ่งให้ผลผลิตทะลายสดเฉลี่ย 3,439.4 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี คิดเป็น 20.4 เปอร์เซ็นต์ 2. ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบสูง ให้ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ 950.1 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี สูงกว่าพันธุ์ สุราษฎร์ธานี 3 คิดเป็น 21.7 เปอร์เซ็นต์ (คำนวณจากเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่อทะลายคูณผลผลิตทะลายสด ทั้งนี้คู่ผสม 173 มีน้ำมันต่อทะลาย 27.0 เปอร์เซ็นต์ หรือเทียบเท่าอัตราการสกัดน้ำมันปาล์มดิบของโรงงาน (Oil extraction rate: OER) 23.0 เปอร์เซ็นต์) 3. ลักษณะผลมีเปลือกนอกหนาและกะลาบาง มีเปลือกนอกสดต่อผล 87.6 เปอร์เซ็นต์ และมีกะลาต่อผล 6.0 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานการคัดเลือกและพันธุ์สุราษฎร์ธานี 3 ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 84.0 เปอร์เซ็นต์ และ 9.7 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

ดาวโหลดข้อมูล

<< กลับสู่หน้ารายการ